31 พฤษภาคม 2553

มูลนิธิชุมชนภูเก็ตสนับสนุนกิจกรรมอาสาพัฒนาแหล่งน้ำชุมชน

มูลนิธิชุมชนภูเก็ตร่วมกับชาวบ้านใสยวน หมู่ 7 ต. ราไวย์ และอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง ร่วม 150 คน ช่วยกันพัฒนาบูรณะฝายกั้นน้ำ ในโครงการ “พัฒนาห้วยน้ำท่อ คืนแหล่งน้ำสู่ชุมชน”

กิจกรรมโครงการพัฒนาห้วยน้ำท่อ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไหลจากเขานาคเกิด เกิดจากแนวคิดของชาวบ้านในชุมชนบ้านใสยวนที่ต้องการพัฒนาสถานที่แห่งนี้เพื่อคืนแหล่งน้ำให้กับชุมชน รวมทั้งผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยาอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามหากได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง โครงการนี้จึงได้ถูกนำเสนอแก่มูลนิธิชุมชนภูเก็ต ตามโครงการเงินทุนช่วยเหลือขนาดเล็ก ครั้งที่ 1 ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจำนวน 5,000 บาทเพื่อให้โครงการสามารถเริ่มต้นได้และจุดประกายการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนให้เกิดขึ้น

ในการทำกิจกรรมเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการประมาณ 150 คน ซึ่งนอกจากจะเป็นอาสาสมัครในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงแล้ว กองทัพเรือภาคที่ 3 ยังส่งกำลังอาสาสมัครจำนวน 20 นาย พร้อมอุปกรณ์ในการพัฒนาพื้นที่เข้ามาร่วมเป็นกำลังสำคัญอีกด้วย ทั้งนี้ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้เกียรติร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้แล้ว ทางโครงการยังได้รับการสนับสนุนป้ายผ้าประชาสัมพันธ์โครงการจาก ส.ส. เรวัติ อารีรอบ เครื่องดื่มโค้กและน้ำดื่มจากบริษัทหาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) น้ำดื่มจำนวน 200 ขวดจากมูลนิธิกุศลธรรม อาหารกลางวันจำนวน 60 กล่องจากคุณเฉลิมเกียรติ อ่องเจริญ และอาหารกลางวันพร้อมเครื่องดื่มจากชาวบ้านใสยวนอีกด้วย โดยการทำกิจกรรมในครั้งนี้ สามารถทำความสะอาดและขุดลอกฝายกั้นน้ำขั้นที่ 15 และทำความสะอาดพิ้นที่รกร้างบริเวณใกล้เคียงได้สำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งนับว่าเป็นกิจกรรมที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ทางชุมชนใสยวน ราไวย์ จะยังคงดำเนินกิจกรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ห้วยน้ำท่อเป็นที่รู้จักและอนุรักษ์แหล่งน้ำแห่งนี้ให้อยู่คู่กับชุมชนตลอดไป ทั้งนี้ มูลนิธิชุมชนภูเก็ตขอขอบพระคุณในความเอื้อเฟื้อของทุกท่านที่มีจิตอาสา ทำให้กิจกรรมดีๆ เช่นนี้เกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายการหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนสร้างพลังสามัคคีให้เกิดขึ้นและส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่น่าอยู่ยิ่งๆ ขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น