สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมกับ จังหวัดภูเก็ต สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันจัดพิธีเจริญ พระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายเป็นพระราชสดุดี เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและร่วมกันน้อมอธิฐานจิตถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า โดยพระสงฆ์จำนวน 99 รูป เจริญพระพุทธมนต์ มีนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน พร้อมด้วย ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต คณะผู้บริหาร อาจารย์ นักศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียน ประชาชน และสื่อมวลชน ได้ร่วมกัน ลงนามถวายพระพรและร่วมกิจกรรม เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
ผศ.ดร.ประภา กล่าวว่า “ด้วยในปีนี้ เป็นปีมหามงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษาครบ 82 พรรษา และในวโรกาส “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” 14 พฤศจิกายน ของทุกปี เพื่อเป็นการถวายราชสดุดี เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวงและเพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และร่วมกันน้อมอธิฐานจิตถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ทรงหายจาก พระอาการประชวร โดยเฉพาะการร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในเรื่องฝนหลวง ซึ่งพระองค์ทรงตรากตรำพระวรกาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนผู้ยากไร้ด้อยโอกาส ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทรงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และพระอัจฉริยภาพอันสูงยิ่ง ก่อให้เกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากมาย ด้วย พระมหากรุณาธิคุณดังกล่าวนี้ จึงได้ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต จัดโครงการดังกล่าวขึ้น ซึ่งมีกิจกรรมการจัดโต๊ะลงนามถวายพระพรแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เข้าร่วมงาน การวางพานพุ่มถวายสักการะของหน่วยงานราชการต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต การเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ จำนวน 99 รูป เหล่านี้ นอกจากจะเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังต้องการส่งเสริมความรักความสามัคคี ความปรองดอง และความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในทุกกลุ่มสังคม เพื่อความสงบสุขของคนไทยทุกคน” อธิการบดีกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น