22 มีนาคม 2553
ม.เชียงใหม่ดูงาน ม.ราวภัฏภูเก็ต
คณบดี คณะอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ จำนวน 25 คน จากคณะรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาดูงาน ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในการนี้ ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดี และคณะผู้บริหาร คณบดีแต่ละคณะให้การต้อนรับ พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับหลักสูตรทางด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ หลังจากนั้นได้ศึกษาดูงานวิถีชีวิตความเป็นภูเก็ต ณ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2553 ณ ห้องประชุมพรหมเทพ ตึกอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
20 มีนาคม 2553
ถอยคนละก้าว หาจุดลงตัว
"เลือดแดง" นองเต็มพื้น
ทั้งบริเวณประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาล หน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ในห้วงที่ม็อบเสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล กดดันให้นายกฯอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา
แต่ก็ถือว่า โชคดีที่ยังเป็นแค่เลือดที่ผู้ชุมนุมเจาะกันเอง แล้วเอาไปเทสาดเป็นเชิงสัญลักษณ์ของการต่อสู้
เป็นแค่กิจกรรม พิธีกรรมในการเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องเท่านั้น
ไม่ใช่การนองเลือดจากการปะทะของคนไทยด้วยกัน
สถานการณ์มาถึงวันนี้ การชุมนุมของม็อบเสื้อแดงภายใต้ การนำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังดำเนินต่อไป
แกนนำม็อบประกาศชัดเจนจะปักหลักต่อสู้ชุมนุมยืดเยื้อ
มีการสลับสับเปลี่ยนกำลัง คนเก่ากลับไปคนใหม่เข้ามา รอกองหนุนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริมทัพ
พร้อมจัดรถขนม็อบเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่างๆทั่ว กทม. เพื่อเชิญชวนชาวกรุงเทพฯออกมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ขยายฐานมวลชน ตามยุทธศาสตร์สงครามชนชั้น
อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมในการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังถือว่าอยู่ในกรอบการชุมนุมโดยสงบตามระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นปะทะจลาจล
แม้การเคลื่อนไหวในบางห้วงบางจังหวะอาจมีการปราศรัย หรือการกระทำที่เกินเลยไปบ้าง ก็เป็นเรื่องของผู้ที่ได้รับผลกระทบจะใช้สิทธิทางกฎหมายฟ้องร้องกันไปตามกระบวนการยุติธรรม
สำหรับทางฝ่ายรัฐบาลที่ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) อยู่ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ย่านบางเขน
ทั้งนายกฯอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. นั่งบัญชาการวางแผนรับมือม็อบด้วยตัวเอง
สั่งระดมกำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน กว่าครึ่งแสน คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม.อย่างเต็มที่
ตั้งด่านตรวจอาวุธ วางกำลังรักษาสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ รวมทั้งดูแลป้องกันเหตุตามจุดเสี่ยงต่างๆ
ที่สำคัญ ได้เน้นย้ำกำลังพลที่ต้องเผชิญกับกลุ่มม็อบให้ อดทน อดกลั้น ไม่ใช้ความรุนแรง และให้ปฏิบัติตามขั้นตอนในการควบคุมฝูงชนตามหลักสากลอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะในห้วงที่ม็อบยกขบวนหลายหมื่นคนไปประท้วงที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ การเคลื่อนม็อบไปเทเลือดที่ทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และบ้านนายกฯอภิสิทธิ์
ทำให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ โดยไม่มีเหตุการณ์กระทบ กระทั่งรุนแรงถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ
ส่วนที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ปฏิบัติการป่วน ยิงระเบิดเอ็น 79 ใส่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ริมถนนวิภาวดีรังสิต แต่ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายรุนแรง
รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงยังสามารถควบคุมความสงบไว้ได้ มาตรการป้องกันระวังเหตุทำได้เข้มงวดรัดกุมพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีม็อบเสื้อแดงยกพลเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ และฝ่ายรัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย
แม้การเคลื่อนไหวของม็อบ และการป้องกันระวังเหตุของรัฐบาล อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในห้วงสถานการณ์ที่การเคลื่อนไหวชุมนุมของม็อบยังดำเนินอยู่ ย่อมมีผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประชาชนคนกรุงเทพฯจำนวนมาก ยังหวาดหวั่นไม่ไว้วางใจว่าสถานการณ์จะปลอดภัยเหมือนห้วงปกติ
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัย หรือทำธุรกิจค้าขายในละแวกพื้นที่ชุมนุม บางคนก็ถือโอกาสปิดร้านชั่วคราว พาครอบครัวหลบไปเที่ยวต่างจังหวัด บ้างก็ต้องไปขอพักอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ
ประชาชนทั่วไปไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน เพราะกลัวรถติด กลัวโดนลูกหลง นักเรียนที่จะสมัครสอบเข้าชั้นมัธยมหลายโรงเรียนต้องเลื่อนการสอบออกไป
ภาคธุรกิจน้อยใหญ่ และการท่องเที่ยว แทบไม่ต้องพูดถึง เพราะได้รับผลกระทบทุกครั้งที่มีม็อบใหญ่บุกกรุง กระเทือนไปถึงภาคเศรษฐกิจทั้งวงจร
ในส่วนผลกระทบต่อภาครัฐ การประชุม ครม.ที่เป็นหัวใจหลักในการบริหารราชการแผ่น ต้องงดประชุม เพราะกลัวโดนม็อบปิดล้อม
ขณะที่การประชุมสภาฯก็ไม่สามารถเปิดประชุมได้ตามปกติ เพราะนายกฯและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่เข้าร่วม
นัยว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
ไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยสถานการณ์สลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรฯล้อมสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ขณะเดียวกัน ข้าราชการหลายกระทรวงที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม ต้องย้ายที่ทำงานชั่วคราว ไปที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ
สิ่งเหล่านี้ คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
และยังไม่มีใครรู้ว่าจะยุติลงเมื่อไหร่
เพราะทางฝ่ายรัฐบาล โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ออกมาชี้ว่ามีน้ำเลี้ยงก๊อกสองไหลไปถึงแกนนำม็อบ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
เพื่อระดมคนจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริมกำลังม็อบเป็นระลอก
ในขณะที่แกนนำม็อบเสื้อแดงก็ออกมาประกาศชัดเจนจะชุมนุมยืดเยื้อ โดยยึดแนวทางสันติวิธี อหิงสา
จากสถานการณ์ตรงนี้ ทำให้หลายฝ่ายในภาคสังคมพยายามหาทางออกและเสนอแนวทางต่างๆ
เพื่อให้เหตุการณ์ยุติลงด้วยดี และให้บ้านเมืองสามารถเดินหน้าไปได้
เริ่มจากฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
เห็นพ้องกันที่จะใช้กระบวนการทางสภาแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง ด้วยการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ
เพื่อให้ ส.ส. และ ส.ว.เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาม็อบเสื้อแดง เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณา
ในขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มีนางอมรา พงศาพิชญ์ เป็นประธาน ที่ได้ไปประสานหารือกับแกนนำม็อบเสื้อแดง และนายกฯอภิสิทธิ์ เพื่อเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่าย ยึดแนวทางสันติวิธี
ได้เสนอให้ฝ่ายรัฐบาลตั้งโต๊ะเจรจากับแกนนำม็อบเสื้อแดง
เพื่อหาทางแก้ไขวิกฤติการเมืองร่วมกัน และทำให้ บ้านเมืองสงบ
ทั้งนี้ในเบื้องต้นนายอภิสิทธิ์ตอบรับข้อเสนอในการเปิดโต๊ะเจรจา โดยเห็นว่า
สามารถพูดคุยกันได้ในข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม เช่น การยุบสภาที่ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ยืนยันการพูดคุยจะเป็นประโยชน์ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ถึงเหตุผลของแต่ละฝ่าย และข้อดี ข้อเสียของการยุบสภา โดยการพูดคุยต้องอยู่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่สงบ
ขณะที่แกนนำม็อบเสื้อแดงก็เห็นด้วยกับแนวทางการเปิดโต๊ะเจรจา
แต่ต้องเป็นการเจรจากับนายกฯโดยตรง และนายกฯอภิสิทธิ์จะต้องเปิดใจ ยกเลิกเงื่อนไขที่ตั้งไว้ทั้งหมด
จากปรากฏการณ์ตรงนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้ง 2 ฝ่าย ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออก
เพราะโดยสัจธรรมปัญหาความขัดแย้งในสังคมไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ถ้าไม่หันหน้ามาพูดคุยเจรจากัน
คงไม่สามารถหาข้อยุติที่จะทำให้ปัญหาจบลงได้
จุดร่วมอันนี้ จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่จะทำให้ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองกลับคืนมา
เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ "ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ" อยากให้การเปิดโต๊ะเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับแกนนำม็อบเสื้อแดง
เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
โดยเฉพาะนายกฯอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำรัฐบาล ควรเป็นผู้ดำเนินการเปิดโต๊ะเจรจากับแกนนำม็อบเสื้อแดงทันที
แต่ละฝ่ายมีข้อเสนออย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร มีเงื่อนไขแค่ไหน ก็เอามาแบให้สังคมได้เห็นกันชัดๆ
เพราะข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ อาจเป็นทางออกให้ประเทศชาติกลับสู่ความสงบ
แต่อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้งทาง การเมืองในเรื่องนี้ ก็เคยมีการพูดคุยทำความตกลงกันมาแล้ว
ถึงขั้นที่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา มีมติร่วมกันตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม
โดยได้ข้อสรุปที่จะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น
แต่ในที่สุด "นายใหญ่" ก็สั่งล้มโต๊ะ
บัญชาเกมให้ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ถอนตัว ไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ
มาถึงครั้งนี้ ทีมของเราก็ได้แต่หวังว่า การตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำม็อบเสื้อแดง
เพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ
คงจะไม่ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา
เพราะถ้าการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาล้มเหลว เสี่ยงสูง "นองเลือด".
ที่มา : http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/30958
ทั้งบริเวณประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาล หน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหน้าบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ในห้วงที่ม็อบเสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล กดดันให้นายกฯอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา
แต่ก็ถือว่า โชคดีที่ยังเป็นแค่เลือดที่ผู้ชุมนุมเจาะกันเอง แล้วเอาไปเทสาดเป็นเชิงสัญลักษณ์ของการต่อสู้
เป็นแค่กิจกรรม พิธีกรรมในการเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องเท่านั้น
ไม่ใช่การนองเลือดจากการปะทะของคนไทยด้วยกัน
สถานการณ์มาถึงวันนี้ การชุมนุมของม็อบเสื้อแดงภายใต้ การนำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังดำเนินต่อไป
แกนนำม็อบประกาศชัดเจนจะปักหลักต่อสู้ชุมนุมยืดเยื้อ
มีการสลับสับเปลี่ยนกำลัง คนเก่ากลับไปคนใหม่เข้ามา รอกองหนุนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริมทัพ
พร้อมจัดรถขนม็อบเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่างๆทั่ว กทม. เพื่อเชิญชวนชาวกรุงเทพฯออกมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ขยายฐานมวลชน ตามยุทธศาสตร์สงครามชนชั้น
อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมในการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังถือว่าอยู่ในกรอบการชุมนุมโดยสงบตามระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นปะทะจลาจล
แม้การเคลื่อนไหวในบางห้วงบางจังหวะอาจมีการปราศรัย หรือการกระทำที่เกินเลยไปบ้าง ก็เป็นเรื่องของผู้ที่ได้รับผลกระทบจะใช้สิทธิทางกฎหมายฟ้องร้องกันไปตามกระบวนการยุติธรรม
สำหรับทางฝ่ายรัฐบาลที่ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) อยู่ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ย่านบางเขน
ทั้งนายกฯอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. นั่งบัญชาการวางแผนรับมือม็อบด้วยตัวเอง
สั่งระดมกำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน กว่าครึ่งแสน คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม.อย่างเต็มที่
ตั้งด่านตรวจอาวุธ วางกำลังรักษาสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ รวมทั้งดูแลป้องกันเหตุตามจุดเสี่ยงต่างๆ
ที่สำคัญ ได้เน้นย้ำกำลังพลที่ต้องเผชิญกับกลุ่มม็อบให้ อดทน อดกลั้น ไม่ใช้ความรุนแรง และให้ปฏิบัติตามขั้นตอนในการควบคุมฝูงชนตามหลักสากลอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะในห้วงที่ม็อบยกขบวนหลายหมื่นคนไปประท้วงที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ การเคลื่อนม็อบไปเทเลือดที่ทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และบ้านนายกฯอภิสิทธิ์
ทำให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ โดยไม่มีเหตุการณ์กระทบ กระทั่งรุนแรงถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ
ส่วนที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ปฏิบัติการป่วน ยิงระเบิดเอ็น 79 ใส่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ริมถนนวิภาวดีรังสิต แต่ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายรุนแรง
รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงยังสามารถควบคุมความสงบไว้ได้ มาตรการป้องกันระวังเหตุทำได้เข้มงวดรัดกุมพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีม็อบเสื้อแดงยกพลเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ และฝ่ายรัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย
แม้การเคลื่อนไหวของม็อบ และการป้องกันระวังเหตุของรัฐบาล อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในห้วงสถานการณ์ที่การเคลื่อนไหวชุมนุมของม็อบยังดำเนินอยู่ ย่อมมีผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประชาชนคนกรุงเทพฯจำนวนมาก ยังหวาดหวั่นไม่ไว้วางใจว่าสถานการณ์จะปลอดภัยเหมือนห้วงปกติ
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัย หรือทำธุรกิจค้าขายในละแวกพื้นที่ชุมนุม บางคนก็ถือโอกาสปิดร้านชั่วคราว พาครอบครัวหลบไปเที่ยวต่างจังหวัด บ้างก็ต้องไปขอพักอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ
ประชาชนทั่วไปไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน เพราะกลัวรถติด กลัวโดนลูกหลง นักเรียนที่จะสมัครสอบเข้าชั้นมัธยมหลายโรงเรียนต้องเลื่อนการสอบออกไป
ภาคธุรกิจน้อยใหญ่ และการท่องเที่ยว แทบไม่ต้องพูดถึง เพราะได้รับผลกระทบทุกครั้งที่มีม็อบใหญ่บุกกรุง กระเทือนไปถึงภาคเศรษฐกิจทั้งวงจร
ในส่วนผลกระทบต่อภาครัฐ การประชุม ครม.ที่เป็นหัวใจหลักในการบริหารราชการแผ่น ต้องงดประชุม เพราะกลัวโดนม็อบปิดล้อม
ขณะที่การประชุมสภาฯก็ไม่สามารถเปิดประชุมได้ตามปกติ เพราะนายกฯและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่เข้าร่วม
นัยว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
ไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยสถานการณ์สลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรฯล้อมสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ขณะเดียวกัน ข้าราชการหลายกระทรวงที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม ต้องย้ายที่ทำงานชั่วคราว ไปที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ
สิ่งเหล่านี้ คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
และยังไม่มีใครรู้ว่าจะยุติลงเมื่อไหร่
เพราะทางฝ่ายรัฐบาล โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ออกมาชี้ว่ามีน้ำเลี้ยงก๊อกสองไหลไปถึงแกนนำม็อบ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
เพื่อระดมคนจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริมกำลังม็อบเป็นระลอก
ในขณะที่แกนนำม็อบเสื้อแดงก็ออกมาประกาศชัดเจนจะชุมนุมยืดเยื้อ โดยยึดแนวทางสันติวิธี อหิงสา
จากสถานการณ์ตรงนี้ ทำให้หลายฝ่ายในภาคสังคมพยายามหาทางออกและเสนอแนวทางต่างๆ
เพื่อให้เหตุการณ์ยุติลงด้วยดี และให้บ้านเมืองสามารถเดินหน้าไปได้
เริ่มจากฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
เห็นพ้องกันที่จะใช้กระบวนการทางสภาแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง ด้วยการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ
เพื่อให้ ส.ส. และ ส.ว.เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาม็อบเสื้อแดง เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณา
ในขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มีนางอมรา พงศาพิชญ์ เป็นประธาน ที่ได้ไปประสานหารือกับแกนนำม็อบเสื้อแดง และนายกฯอภิสิทธิ์ เพื่อเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่าย ยึดแนวทางสันติวิธี
ได้เสนอให้ฝ่ายรัฐบาลตั้งโต๊ะเจรจากับแกนนำม็อบเสื้อแดง
เพื่อหาทางแก้ไขวิกฤติการเมืองร่วมกัน และทำให้ บ้านเมืองสงบ
ทั้งนี้ในเบื้องต้นนายอภิสิทธิ์ตอบรับข้อเสนอในการเปิดโต๊ะเจรจา โดยเห็นว่า
สามารถพูดคุยกันได้ในข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม เช่น การยุบสภาที่ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ยืนยันการพูดคุยจะเป็นประโยชน์ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ถึงเหตุผลของแต่ละฝ่าย และข้อดี ข้อเสียของการยุบสภา โดยการพูดคุยต้องอยู่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่สงบ
ขณะที่แกนนำม็อบเสื้อแดงก็เห็นด้วยกับแนวทางการเปิดโต๊ะเจรจา
แต่ต้องเป็นการเจรจากับนายกฯโดยตรง และนายกฯอภิสิทธิ์จะต้องเปิดใจ ยกเลิกเงื่อนไขที่ตั้งไว้ทั้งหมด
จากปรากฏการณ์ตรงนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้ง 2 ฝ่าย ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออก
เพราะโดยสัจธรรมปัญหาความขัดแย้งในสังคมไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ถ้าไม่หันหน้ามาพูดคุยเจรจากัน
คงไม่สามารถหาข้อยุติที่จะทำให้ปัญหาจบลงได้
จุดร่วมอันนี้ จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่จะทำให้ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองกลับคืนมา
เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ "ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ" อยากให้การเปิดโต๊ะเจรจาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับแกนนำม็อบเสื้อแดง
เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
โดยเฉพาะนายกฯอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำรัฐบาล ควรเป็นผู้ดำเนินการเปิดโต๊ะเจรจากับแกนนำม็อบเสื้อแดงทันที
แต่ละฝ่ายมีข้อเสนออย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร มีเงื่อนไขแค่ไหน ก็เอามาแบให้สังคมได้เห็นกันชัดๆ
เพราะข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ อาจเป็นทางออกให้ประเทศชาติกลับสู่ความสงบ
แต่อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้งทาง การเมืองในเรื่องนี้ ก็เคยมีการพูดคุยทำความตกลงกันมาแล้ว
ถึงขั้นที่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา มีมติร่วมกันตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม
โดยได้ข้อสรุปที่จะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น
แต่ในที่สุด "นายใหญ่" ก็สั่งล้มโต๊ะ
บัญชาเกมให้ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ถอนตัว ไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ
มาถึงครั้งนี้ ทีมของเราก็ได้แต่หวังว่า การตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำม็อบเสื้อแดง
เพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ
คงจะไม่ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา
เพราะถ้าการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาล้มเหลว เสี่ยงสูง "นองเลือด".
ที่มา : http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/30958
เหตุผลทำไมประชาธิปัตย์ต้องสูญพันธ์
1. คำพูดเชื่อถือไม่ได้ พูดเอาดีใส่ตัวไม่ยอมรับความจริง
2. สร้างวีรกรรมไว้มาก ขายทรัพย์สินแผ่นดินหลายแสนล้านสมัยธานินท์ นำแผ่นดินของประเทศมาแจกพวกเดียวกัน นำสุนัขมากัดประชาชน
3. ดูถูกประชาชน ชาวชนบท ไม่เห็นประชาชนมีความหมายไม่เข้าถึงหัวใจประชาชน ใช้วิธีการตอบโต้ประชาชน เหมือนนำมันราดกองไฟ เติมเชื้อทุกวัน
4. บริหารประเทศใช้วิธีการเดิมเดิม สมัยชวนก็กู้ สมัยปัจจุบันก็ใช้วิธีกู้แล้วนำงบมาละลาย
5. บังคับหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างตามงบSP2 โดยล๊อคสเป๊กมาจากส่วนกลางแล้วสั่งการ ให้ร้านค้ามารับแบ่งผลประโยชน์ที่ตนเองพอใจ ทำทีว่าทำถูกต้องแล้วฮั้วกันเอง
6.โกง คอรับชั่น ตามโครงการโดยตรง ทั้งปลากระป๋อง ต้นกล้าอาชีพ ชุมชนพอเพียง สาธารณสุข รถเมล์ นำงบมาประชาสัมพันธ์ตนเอง ละลายหลายล้านบาทฯลฯ
7. ยอมรับระบบเผด็จการอย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งที่ทั่วทั่วโลกไม่ยอมรับระบบนี้
ที่มา : http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/30962
2. สร้างวีรกรรมไว้มาก ขายทรัพย์สินแผ่นดินหลายแสนล้านสมัยธานินท์ นำแผ่นดินของประเทศมาแจกพวกเดียวกัน นำสุนัขมากัดประชาชน
3. ดูถูกประชาชน ชาวชนบท ไม่เห็นประชาชนมีความหมายไม่เข้าถึงหัวใจประชาชน ใช้วิธีการตอบโต้ประชาชน เหมือนนำมันราดกองไฟ เติมเชื้อทุกวัน
4. บริหารประเทศใช้วิธีการเดิมเดิม สมัยชวนก็กู้ สมัยปัจจุบันก็ใช้วิธีกู้แล้วนำงบมาละลาย
5. บังคับหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างตามงบSP2 โดยล๊อคสเป๊กมาจากส่วนกลางแล้วสั่งการ ให้ร้านค้ามารับแบ่งผลประโยชน์ที่ตนเองพอใจ ทำทีว่าทำถูกต้องแล้วฮั้วกันเอง
6.โกง คอรับชั่น ตามโครงการโดยตรง ทั้งปลากระป๋อง ต้นกล้าอาชีพ ชุมชนพอเพียง สาธารณสุข รถเมล์ นำงบมาประชาสัมพันธ์ตนเอง ละลายหลายล้านบาทฯลฯ
7. ยอมรับระบบเผด็จการอย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งที่ทั่วทั่วโลกไม่ยอมรับระบบนี้
ที่มา : http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/30962
ส.ผู้บริหารงานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มแสดงความยินดีนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ คนใหม่
19 มีนาคม 2553
รพ.กรุงเทพแนะแนวทางการดูแลสุขภาพให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว
สุขภาพดี ชีวิตดี กับ เทสโก้ โลตัส ปีที่ 4
ดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เทสโก้ โลตัส (ที่ 4 จากซ้าย แถวยืน) นำ 12 เพื่อนรักสุขภาพ ปี 4 เข้าเยี่ยมคารวะ ฯพณฯ คุณชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ที่ 4 จากขวา แถวยืน) เพื่อแนะนำโครงการ “สุขภาพดี ชีวิตดี กับ เทสโก้ โลตัส ปีที่ 4” พร้อมเชิญชวนให้คนไทยออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก เมื่อวันก่อน
ทัพเรือภาคที่ 3 มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรข้าราชการและลูกจ้าง
กองทัพเรือ โดยมอบให้ทัพเรือภาคที่ 3 มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรข้าราชการและลูกจ้าง สังกัดกองทัพเรือ ประจำปี 2552 เพื่อเป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือข้าราชการและ ลูกจ้าง ที่มีรายได้น้อย โดยผู้ขอรับทุนจะต้องเป็นข้าราชการประจำ ลูกจ้างประจำ สังกัด กองทัพเรือ ลูกจ้างชั่วคราวรับเงินเดือนจาก งบประมาณกองทัพเรือ โดยกองทัพเรือ ได้มอบให้ทัพเรือภาคที่ 3 รับทุนการศึกษาซึ่งแยกเป็นระดับมัธยมศึกษา ทุนละ 3,500 บาทจำนวน 3 ทุน ระดับประถมศึกษา ทุนละ 3,000 บาท จำนวน 5 ทุน ระดับอนุบาลศึกษา ทุนละ ๓,๐๐๐.- บาท จำนวน 6 ทุน รวมทั้งสิ้นจำนวน 14 ทุน
ภูเก็ตแฟนตาซีต้อนรับคณะถ่ายทำรายการ “STRAWBERRY CHEESECAKE”
“ตุ๊ก” จันทร์จิรา จูแจ้ง และพีธีกรวัยทีนทั้ง 13 คน เดินทางมาเยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี เพื่อถ่ายทำรายการ “STRAWBERRY CHEESECAKE” ซึ่งเป็นรายการทีนวาไรตี้รูปแบบใหม่ นำเสนอเรื่องราวแฟชั่น และความทันสมัย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยมีนางสาวศิริกุล อัมรามร (กลาง) ผู้อำนวยการ(ประชาสัมพันธ์) บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ และมอบตุ๊กตาช้างไอยราเป็นของที่ระลึก จากนั้นรับประทานอาหารค่ำบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่ “ภัตตาคารมโนห์ราทอง” นอกจากนั้น ได้เข้าชม “ไทเกอร์ จังเกิ้ล แอดเวนเจอร์” หลังจากเข้าชมสุดยอดการแสดง “มหัศจรรย์กมลา” ณ โรงละคร วังไอยรา ภูเก็ตแฟนตาซี เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา
17 มีนาคม 2553
เทศบาลนครภูเก็ต จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรวันสงกรานต์ประจำปี 2553
เทศบาลนครภูเก็ต เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ และแม่ชีจำนวน 100 รูป ในวันที่ 13 เมษายน 2553 เวลา 07.00 น.สมโภชพระพุทธสิหิงส์ และร่วมรดน้ำดำหัว ขอพรผู้สูงอายุ ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน
นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เปิดเผยว่า เนื่องจากวันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวันสงกรานต์ ถือว่าเป็นวันปีใหม่ของไทย เทศบาลนครภูเก็ตตระหนักถึงความสำคัญของเทศกาลดังกล่าว จึงกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของไทย ให้คงอยู่สืบไป โดยในวันที่ 13 เมษายน 2553 ตั้งแต่เวลา 07.00 น.ผู้ว่าราชการจังหวัด,ข้าราชการ, ผู้บริหาร,พนักงานเทศบาลนครภูเก็ต และพ่อค้าประชาชน ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้งแด่พระสงฆ์และแม่ชีจำนวน 100 รูป ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน เวลา 08.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้เกียรตินำสรงน้ำพระพุทธสิหิงส์ หลังจากนั้นข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ร่วมรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้สูงอายุ
นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวต่อว่า การอนุรักษ์สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่ นั้นเป็นหน้าที่หลักอีกด้านหนึ่งที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตได้ให้ความสำคัญ และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประเพณีวัฒธรรมอันดีงามของชาติคงอยู่ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกิจกรรมอันดีงามดังกล่าวเพื่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและซึมซับประเพณีอันทรงคุณค่านี้ไว้ เพื่อเป็นพลังในการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป
นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เปิดเผยว่า เนื่องจากวันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวันสงกรานต์ ถือว่าเป็นวันปีใหม่ของไทย เทศบาลนครภูเก็ตตระหนักถึงความสำคัญของเทศกาลดังกล่าว จึงกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของไทย ให้คงอยู่สืบไป โดยในวันที่ 13 เมษายน 2553 ตั้งแต่เวลา 07.00 น.ผู้ว่าราชการจังหวัด,ข้าราชการ, ผู้บริหาร,พนักงานเทศบาลนครภูเก็ต และพ่อค้าประชาชน ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้งแด่พระสงฆ์และแม่ชีจำนวน 100 รูป ณ บริเวณเวทีกลางสะพานหิน เวลา 08.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้เกียรตินำสรงน้ำพระพุทธสิหิงส์ หลังจากนั้นข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ร่วมรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้สูงอายุ
นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวต่อว่า การอนุรักษ์สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่ นั้นเป็นหน้าที่หลักอีกด้านหนึ่งที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตได้ให้ความสำคัญ และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประเพณีวัฒธรรมอันดีงามของชาติคงอยู่ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกิจกรรมอันดีงามดังกล่าวเพื่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและซึมซับประเพณีอันทรงคุณค่านี้ไว้ เพื่อเป็นพลังในการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป
เทศบาลนครภูเก็ต จัดงานรำลึกคอซิมบี๊
เทศบาลนครภูเก็ต กำหนดจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระวางพวงมาลา และการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง)ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 เมษายน 2553 ณ บริเวณสวนสาธารณะเขารัง
นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นดินแดนที่มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้บ้านเมือง ดังคำกล่าวที่ว่า “ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีข้าราชการดี พระดี และผู้หญิงดี” ซึ่งข้าราชการที่ดีหมายถึงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯพระดีหมายถึงพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ หรือหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง และผู้หญิงดีหมายถึง ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร สองวีรสตรีผู้ปกป้องเมืองถลาง ซึ่งบรรพชนทุกท่าน ล้วนแต่สร้างคุณงามความดีให้แก่จังหวัดภูเก็ตในแต่ละยุค แต่ละสมัย โดยในสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตระหว่าง พ.ศ.2444-2456 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 นั้น ได้วางรากฐานและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับบ้านเมือง ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ สร้างถนน ขุดลอกคลอง การจัดตั้งโรงเรียนจีน การแก้ไขปัญหาอั้งยี่ การส่งเสริมกิจการเหมืองแร่และเกษตรกรรม ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งธนาคาร สร้างโรงพยาบาล ในท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งผลจากการพัฒนาดังกล่าวทำให้ภูเก็ต มีความเติบโตด้านเศรษฐกิจ และเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง
นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดี และคุณประโยชน์ ที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯผู้ที่ริเริ่มและวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ รวมถึงการ ดูแลทุกข์ สุข ของประชาชน และปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เทศบาลนครภูเก็ต จึงได้กำหนดจัดงานรำลึกพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2553 ตั้งแต่เวลา 07.00-12.00น.โดยกำหนดให้มีพิธีทำบุญเลี้ยงพระ และวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ฯ นอกจากนี้จัดให้มีนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิประวัติและผลงาน ของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ณ บริเวณสวนสาธารณะเขารัง
นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นดินแดนที่มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้บ้านเมือง ดังคำกล่าวที่ว่า “ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีข้าราชการดี พระดี และผู้หญิงดี” ซึ่งข้าราชการที่ดีหมายถึงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯพระดีหมายถึงพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ หรือหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง และผู้หญิงดีหมายถึง ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร สองวีรสตรีผู้ปกป้องเมืองถลาง ซึ่งบรรพชนทุกท่าน ล้วนแต่สร้างคุณงามความดีให้แก่จังหวัดภูเก็ตในแต่ละยุค แต่ละสมัย โดยในสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตระหว่าง พ.ศ.2444-2456 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 นั้น ได้วางรากฐานและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับบ้านเมือง ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ สร้างถนน ขุดลอกคลอง การจัดตั้งโรงเรียนจีน การแก้ไขปัญหาอั้งยี่ การส่งเสริมกิจการเหมืองแร่และเกษตรกรรม ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งธนาคาร สร้างโรงพยาบาล ในท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งผลจากการพัฒนาดังกล่าวทำให้ภูเก็ต มีความเติบโตด้านเศรษฐกิจ และเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง
นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดี และคุณประโยชน์ ที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯผู้ที่ริเริ่มและวางรากฐานความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ รวมถึงการ ดูแลทุกข์ สุข ของประชาชน และปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เทศบาลนครภูเก็ต จึงได้กำหนดจัดงานรำลึกพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2553 ตั้งแต่เวลา 07.00-12.00น.โดยกำหนดให้มีพิธีทำบุญเลี้ยงพระ และวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ฯ นอกจากนี้จัดให้มีนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิประวัติและผลงาน ของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ณ บริเวณสวนสาธารณะเขารัง
09 มีนาคม 2553
ชาวพุทธภูเก็ตกว่า 80 คน ร่วมฝึกกรรมฐานรุ่นที่ 2
พุทธศาสนิกชนชาวภูเก็ตกว่า 80 คน เข้าร่วมฝึกอบรมกรรมฐานหลักสูตรชั้นต้นรุ่นที่ 2 ณ วัดเจริญสมณกิจ(วัดหลังศาล)ในระหว่างวันที่ 21-27 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยได้รับความเมตตาจาก ท่านเจ้าคุณพระอาจารย์พระสาสนโสภณ (พิจิตร ฐิตวณฺโณ,ป.ธ.9 ศน., M.A, ศน.ด.)เจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร เจ้าคณะภาค 16-17-18(ธรรมยุต) เป็นผู้ให้การฝึกอบรม พร้อมกับมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ด้วย
จังหวัดมอบตัวอย่างชุดนวัตกรรมทางโภชนาการแก่ อปท.ในจังหวัดภูเก็ต
นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานมอบตัวอย่างชุดนวัตกรรมทางโภชนาการแก่นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 18 แห่ง ในจังหวัดภูเก็ต ในโครงการพัฒนาระบบและกลไกเพื่อเด็กไทยมีโภชนาการสมวัย-ภาคใต้ โดยสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมป์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ กรมอนามัย, กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น, สพฐ, และมหาวิทยากลัยต่างๆ ณ ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต
รพ.กรุงเทพจัดโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น
บ่ายวันนี้(9มี.ค.)ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต(ลำดับที่ 2 จากขวา)เป็นตัวแทนรับหนังสือนิทานและของเล่นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯ รวมถึงชาวภูเก็ตได้ร่วมกันบริจาคให้แก่ห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน)อ.คุระบุรี จ.พังงา ในโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น โดยทางโรงพยาบาลฯ จะรับบริจาคหนังสือเรียน นิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป อุปกรณ์กีฬา ของเล่นเสริมจินตนาการต่างๆ ทั้งแบบใหม่แกะกล่องและของมือสองสภาพดี เพื่อนำไปมอบให้กับน้องๆ ในเดือนเมษายนนี้ ท่านใดสนใจสามารถร่วมบริจาคได้ที่กล่องรับบริจาคบริเวณแผนกต้อนรับและบริการชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1719 ต่อ 2297
รัฐ-เอกชนร่วมงานโอกาสทางการค้าสินค้าบริการและการลงทุนของผู้ประกอบการ
นางสาวพูลศรี คุลีเมฆิน นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, กรรมการรองเลขาธิการและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย, ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พัทลุง ชุมพร, พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต พังงา พัทลุง ชุมพร และสมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมงาน “โอกาสทางการค้าสินค้า บริการและการลงทุนของผู้ประกอบการ (SMEs) กับการเป็น AEC : ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ณ โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต เมื่อเร็วๆ นี้
คอมฯ ธุรกิจ มรภ. พัฒนาธุรกิจบน Cloud Computing
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต สัมมนา “การพัฒนาธุรกิจบน Cloud Computing กับเทคโนโลยี 3G” ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาได้มีความรู้เกี่ยวกับ Cloud Computing และเทคโนโลยีของ 3G และเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการสัมมนาของผู้เข้าร่วมสัมมนา นักศึกษา และผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งเพื่อให้นักศึกษาสามารถนำวิชาการสัมมนาธุรกิจไปประยุกต์ใช้ได้จริง มีนักศึกษาโครงการ กศ.บป.ภูเก็ต โปรแกรมวิชาการบริหารธุรกิจ (แขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ) กลุ่มนักศึกษา ภป.บธ.501 (คอมพิวเตอร์ธุรกิจ) และนักศึกษาที่เรียนร่วม จำนวน 45 คน เข้าร่วมสัมมนา มีนายประชา อัศวธีระ ตำแหน่งสถาปนิกไอที จากหน่วยงานของ SIPA ศูนย์ภูเก็ต และนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ตำแหน่งผู้จัดการศูนย์พัฒนาทักษะและการเรียนรู้ ICT ภูเก็ต เป็นวิทยากรให้ความรู้ ณ ห้องโสตฯ 2 ชั้น 6 อาคารบรรณราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เมื่อเร็วๆ นี้
สิริโรจน์จัดอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น
08 มีนาคม 2553
ภูเก็ตแฟนตาซีร่วมงานวันนักข่าว
นางสาวศิริกุล สิทธิโชค(ที่ 2 จากขวา)รองผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) พร้อมทีมงานพีอาร์นำของที่ระลึกมอบให้แก่นายพีระพงศ์ ผลประมูล ประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต และผู้สื่อข่าว เพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบวันนักข่าว ณ โรงแรมภูเก็ต เมอร์ลิน เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา
04 มีนาคม 2553
ทีมส่วนราชการจังหวัดภูเก็ตคว้าแชมป์ฟุตบอลวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ
นายพีระพงค์ กล่าวว่า ในวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ โดยในส่วนของภูเก็ต ทางชมรมผู้สื่อข่าวได้จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกาย และการใช้กีฬาเป็นสื่อในการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปฏิบัติงานในอนาคต ซึ่งการแข่งขันรายการนี้มีทีมเข้าร่วม 6 ทีมประกอบด้วย ทีมอัยการจังหวัดภูเก็ต ทีมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทีมผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทีมโรงเรียนสตรีภูเก็ต ทีมส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต และทีมชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันแชร์บอลหญิงระหว่างทีมวิทยุการบินรวมท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ต กับชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2553 ทีมชนะเลิศจะได้รับถ้วยเกียรติยศของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ ปรากฎว่ทีมโรงเรียนสตรีภูเก็ตแพ้ทีมส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต 1:2 คู่ชิงที่ 3 ทีมชมรมผู้สื่อข่าวชนะทีมตำรวจภูธรด้วยจุดโทษ 3:2 ในเวลาเสมอ 0:0 ส่วนการแข่งขันแชร์บอลหญิง ทีมวิทยุการบินรวมท่าอากาศยานภูเก็ตชนะทีมชมรมผู้สื่อข่าว 12:6 ด้านกีฬาพื้นบ้านประเภทกระโดดกระสอบ 5 คน ทีมชมรมผู้สื่อข่าวชนะทีมวิทยุการบินรวมท่าอากาศยานภูเก็ต
สำหรับกิจกรรมวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต นอกจากกิจกรรมการส่งเสริมการออกกำลังกายแล้ว ในวันที่ 5 มีนาคม 2553 ช่วงเช้า มีการทำบุญเลี้ยงพระที่ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ส่วนในภาคค่ำ เวลา 20.00 น. มีการเลี้ยงสังสรรค์ ณ โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน
สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ ปรากฎว่ทีมโรงเรียนสตรีภูเก็ตแพ้ทีมส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต 1:2 คู่ชิงที่ 3 ทีมชมรมผู้สื่อข่าวชนะทีมตำรวจภูธรด้วยจุดโทษ 3:2 ในเวลาเสมอ 0:0 ส่วนการแข่งขันแชร์บอลหญิง ทีมวิทยุการบินรวมท่าอากาศยานภูเก็ตชนะทีมชมรมผู้สื่อข่าว 12:6 ด้านกีฬาพื้นบ้านประเภทกระโดดกระสอบ 5 คน ทีมชมรมผู้สื่อข่าวชนะทีมวิทยุการบินรวมท่าอากาศยานภูเก็ต
สำหรับกิจกรรมวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต นอกจากกิจกรรมการส่งเสริมการออกกำลังกายแล้ว ในวันที่ 5 มีนาคม 2553 ช่วงเช้า มีการทำบุญเลี้ยงพระที่ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ส่วนในภาคค่ำ เวลา 20.00 น. มีการเลี้ยงสังสรรค์ ณ โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน
ม.ราชภัฏภูเก็ต ปัจฉิม นศ. อธิการบดีแนะแนวทางสู่งานและชีวิตที่ก้าวหน้า
กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จัดปัจฉิมนิเทศนักศึกษาภาคปกติ ประจำปีการศึกษา 2552 ในการนี้ ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่นักศึกษา ร่วมด้วย รศ.สมชาย สกุลทัพ รองอธิการบดี คณะผู้บริหาร และอาจารย์เข้าร่วม ทั้งนี้มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษา ประกอบด้วย คุณวิไลลักษณ์ หมดหลู เรื่องการเตรียมตัวอย่างไรให้ได้งาน อาจารย์ขนิษฐา ธนาวิรัตนานิจ เรื่อง การก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการใหม่..ไม่ยากอย่างที่คิด และคุณวรรณชัย สุระกำแหง เรื่อง ต้นกล้า...นักบริหารการตลาด มีนักศึกษาจำนวน 1,037 คน เข้าร่วม เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2553 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
รศ.สมชาย กล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีของผู้สำเร็จการศึกษา จำนวน 1,037 คน จาก 27 คน สาขาวิชา 44 ห้อง ซึ่งต่างใช้ความวิริยะ อุตสาหะ พากเพียรในการศึกษาเล่าเรียนตลอดหลักสูตรด้วยความมุ่งมั่นในการแสวงหาความรู้จากมหาวิทยาลัยเพื่อนำไปใช้ประกอบสัมมาอาชีพเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ดีของสังคมไทย ซึ่งมหาวิทยาลัยมีความภาคภูมิใจในศักยภาพของผู้สำเร็จการศึกษาทุกคนและเชื่อมั่นว่าพวกเขาเหล่านี้จะนำความรู้และประสบการณ์อันทรงคุณค่าจากการหล่อหลอมของมหาวิทยาลัยไปใช้เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของส่วนรวมได้เป็นอย่างดี และเพื่อวางแนวทางให้ผู้สำเร็จการศึกษามีความพร้อมในการออกไปสู่สังคมแห่งการทำงานและการประกอบวิชาชีพ กองพัฒนานักศึกษาจึงจัดพิธีปัจฉิมนิเทศขึ้นในวันนี้โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ อาทิ การขอจบการศึกษา การเตรียมตัวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรการคืนเงินกองทุนการศึกษา เตรียมตัวอย่างไรให้ได้งาน ผู้ประกอบการใหม่...ไม่ยากอย่างที่คิด และต้นกล้านักบริหารการตลาด ทั้งนี้เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับออกสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น”
ด้านอธิการบดี กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ในฐานะผู้บริหารมหาวิทยาลัย รู้สึกภาคภูมิใจที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตในฐานะสถาบันอุดมศึกษาที่เก่าแก่และได้รับการยอมรับจากสังคมผลิต “ว่าที่บัณฑิต” ที่มีคุณภาพออกสู่สังคมอีกรุ่นหนึ่ง ชื่อเสียงของผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของเราเป็นที่ประจักษ์ชัดจากผู้ประกอบการว่า มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถในงาน ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งถือเป็นประการสำคัญที่มหาวิทยาลัยต้องการปลูกฝังและเราก็ทำได้สำเร็จสมดังเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ ในฐานะ “ครู” ดิฉันขอกล่าวแทนคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยทุกคนว่า ภาคภูมิใจในตัวลูกศิษย์ทุกคนเป็นอย่างมาก ที่ตั้งใจเล่าเรียนจนมีวันนี้ ขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยไปใช้ในการทำงานให้มากที่สุด พร้อมกับเปิดรับสิ่งใหม่ที่ทุกคนกำลังก้าวไปพานพบ ทั้งวิทยากรใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ที่เป็นความท้าทายในชีวิตอีกครั้ง และอยากให้ข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนว่า ให้ดำเนินตามรอยพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ในเรื่องของการใช้ชีวิตแบบพอเพียง มีสติไว้เป็นเครื่องควบคุมปัญญาในทางที่ถูกต้อง และเมื่อได้ทำงานในองค์กรควรมีความตรงต่อเวลาในการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้จะต้องรู้จักกาลเทศะ และเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข เพื่อจะได้นำพาชีวิตไปในหนทางข้างหน้าที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น”
รศ.สมชาย กล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีของผู้สำเร็จการศึกษา จำนวน 1,037 คน จาก 27 คน สาขาวิชา 44 ห้อง ซึ่งต่างใช้ความวิริยะ อุตสาหะ พากเพียรในการศึกษาเล่าเรียนตลอดหลักสูตรด้วยความมุ่งมั่นในการแสวงหาความรู้จากมหาวิทยาลัยเพื่อนำไปใช้ประกอบสัมมาอาชีพเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ดีของสังคมไทย ซึ่งมหาวิทยาลัยมีความภาคภูมิใจในศักยภาพของผู้สำเร็จการศึกษาทุกคนและเชื่อมั่นว่าพวกเขาเหล่านี้จะนำความรู้และประสบการณ์อันทรงคุณค่าจากการหล่อหลอมของมหาวิทยาลัยไปใช้เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ของส่วนรวมได้เป็นอย่างดี และเพื่อวางแนวทางให้ผู้สำเร็จการศึกษามีความพร้อมในการออกไปสู่สังคมแห่งการทำงานและการประกอบวิชาชีพ กองพัฒนานักศึกษาจึงจัดพิธีปัจฉิมนิเทศขึ้นในวันนี้โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ อาทิ การขอจบการศึกษา การเตรียมตัวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรการคืนเงินกองทุนการศึกษา เตรียมตัวอย่างไรให้ได้งาน ผู้ประกอบการใหม่...ไม่ยากอย่างที่คิด และต้นกล้านักบริหารการตลาด ทั้งนี้เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับออกสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น”
ด้านอธิการบดี กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ในฐานะผู้บริหารมหาวิทยาลัย รู้สึกภาคภูมิใจที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตในฐานะสถาบันอุดมศึกษาที่เก่าแก่และได้รับการยอมรับจากสังคมผลิต “ว่าที่บัณฑิต” ที่มีคุณภาพออกสู่สังคมอีกรุ่นหนึ่ง ชื่อเสียงของผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของเราเป็นที่ประจักษ์ชัดจากผู้ประกอบการว่า มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถในงาน ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งถือเป็นประการสำคัญที่มหาวิทยาลัยต้องการปลูกฝังและเราก็ทำได้สำเร็จสมดังเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ ในฐานะ “ครู” ดิฉันขอกล่าวแทนคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยทุกคนว่า ภาคภูมิใจในตัวลูกศิษย์ทุกคนเป็นอย่างมาก ที่ตั้งใจเล่าเรียนจนมีวันนี้ ขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยไปใช้ในการทำงานให้มากที่สุด พร้อมกับเปิดรับสิ่งใหม่ที่ทุกคนกำลังก้าวไปพานพบ ทั้งวิทยากรใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ที่เป็นความท้าทายในชีวิตอีกครั้ง และอยากให้ข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนว่า ให้ดำเนินตามรอยพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ในเรื่องของการใช้ชีวิตแบบพอเพียง มีสติไว้เป็นเครื่องควบคุมปัญญาในทางที่ถูกต้อง และเมื่อได้ทำงานในองค์กรควรมีความตรงต่อเวลาในการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้จะต้องรู้จักกาลเทศะ และเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข เพื่อจะได้นำพาชีวิตไปในหนทางข้างหน้าที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น”
เอเต้ ไอศกรีม ต้อนรับหน้าร้อนนี้ ด้วยเทศกาลมะม่วงหรรษา
เอเต้ ไอศกรีม ต้อนรับหน้าร้อน ด้วยไอศกรีม มะม่วงหลากชนิด หรรษากับพาเหรดมะม่วงแสนอร่อย ที่ยกขบวน มาให้คุณได้ลองลิ้มชิมรสความเป็นมะม่วง อย่างจุใจในรูปแบบต่าง ๆ หลากหลายรสชาติ ทั้งแบบ ไอศกรีมมะม่วงดิบเปรี้ยวจี๊ด, ไอศกรีมมะม่วงสุก , เค้กไอศกรีมมะม่วง และเครื่องดื่มมะม่วงปั่นแสนสดชื่น
เริ่มกันที่ ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ที่กลับมาอีกครั้งกับไอศกรีมมะม่วงเปรี้ยวจี๊ด สะใจคนรักความเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมชิ้นมะม่วง เพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นด้วยซอสน้ำปลาหวาน อร่อยครบสูตร ตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่หาได้ที่เอเต้เท่านั้น
ต่อกันด้วยชุดไอศกรีมมะม่วงสุก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว และชิ้นมะม่วงสุก ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมใบเตย สีเขียวสดใส ที่มาเพิ่มความกลมกล่อมให้กับชุดไอศกรีมมะม่วงสุก ที่มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ คือ แมงโก้ ซันเดย์ , แมงโก้ เอ็กซ์ตรีม และแมงโก้ บิ๊กโบ้ท ราคาเริ่มที่ 49 บาท
ไม่หมดแค่นั้น เอเต้ ยังเตรียมเค้กไอศกรีมมะม่วง มาร่วมพาเหรดกับเทศกาลมะม่วงหรรษานี้ แปลงโฉมมะม่วงมาเป็นเค้กไอศกรีมแสนอร่อย ที่มีเนื้อไอศกรีมมะม่วงซอร์เบ และไอศกรีมมะม่วงสุก พิเศษเพิ่ม topping เป็นอัลมอนด์ และแมงโก้ ทรัฟเฟิล มาลิ้มลองความหอมอร่อยของเค้กไอศกรีมมะม่วงเนื้อนุ่ม ชุ่มลิ้น สดชื่น กันด้วยความหวานอมเปรี้ยวของมะม่วงนี้ได้ ด้วยราคาพิเศษ 499 บาทเฉพาะหน้าร้อนนี้เท่านั้น
ตบท้ายกันด้วย เครื่องดื่มมะม่วงปั่นผสมผลไม้สดรวมรสชาติความอร่อยแสนสดชื่น อีก 2 เมนู คือ แมงโก้ อโลฮ่า และ แมงโก้ ซันไรส์ ที่รับรองถึงความอร่อยถึงใจคนรักมะม่วง ด้วยสูตรเฉพาะที่เอเต้เท่านั้น
มาลองลิ้มชิมความอร่อยของเทศกาลมะม่วงหรรษา ที่ไม่เหมือนใคร เพิ่มความคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มความอร่อย กันได้ที่เอเต้ไอศกรีมเท่านั้น
เริ่มกันที่ ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ที่กลับมาอีกครั้งกับไอศกรีมมะม่วงเปรี้ยวจี๊ด สะใจคนรักความเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมชิ้นมะม่วง เพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นด้วยซอสน้ำปลาหวาน อร่อยครบสูตร ตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่หาได้ที่เอเต้เท่านั้น
ต่อกันด้วยชุดไอศกรีมมะม่วงสุก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว และชิ้นมะม่วงสุก ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมใบเตย สีเขียวสดใส ที่มาเพิ่มความกลมกล่อมให้กับชุดไอศกรีมมะม่วงสุก ที่มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ คือ แมงโก้ ซันเดย์ , แมงโก้ เอ็กซ์ตรีม และแมงโก้ บิ๊กโบ้ท ราคาเริ่มที่ 49 บาท
ไม่หมดแค่นั้น เอเต้ ยังเตรียมเค้กไอศกรีมมะม่วง มาร่วมพาเหรดกับเทศกาลมะม่วงหรรษานี้ แปลงโฉมมะม่วงมาเป็นเค้กไอศกรีมแสนอร่อย ที่มีเนื้อไอศกรีมมะม่วงซอร์เบ และไอศกรีมมะม่วงสุก พิเศษเพิ่ม topping เป็นอัลมอนด์ และแมงโก้ ทรัฟเฟิล มาลิ้มลองความหอมอร่อยของเค้กไอศกรีมมะม่วงเนื้อนุ่ม ชุ่มลิ้น สดชื่น กันด้วยความหวานอมเปรี้ยวของมะม่วงนี้ได้ ด้วยราคาพิเศษ 499 บาทเฉพาะหน้าร้อนนี้เท่านั้น
ตบท้ายกันด้วย เครื่องดื่มมะม่วงปั่นผสมผลไม้สดรวมรสชาติความอร่อยแสนสดชื่น อีก 2 เมนู คือ แมงโก้ อโลฮ่า และ แมงโก้ ซันไรส์ ที่รับรองถึงความอร่อยถึงใจคนรักมะม่วง ด้วยสูตรเฉพาะที่เอเต้เท่านั้น
มาลองลิ้มชิมความอร่อยของเทศกาลมะม่วงหรรษา ที่ไม่เหมือนใคร เพิ่มความคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มความอร่อย กันได้ที่เอเต้ไอศกรีมเท่านั้น
บสย. ค้ำ 30,000 ล้าน เต็มพอร์ตตามคาด ช่วยสินเชื่อหมุนเวียนในระบบกว่า 52,000 ล้านบาท
บสย. ปิดโครงการค้ำประกัน Portfolio เฟสที่ 1 เต็ม 30,000 ล้านบาทตามคาดหมาย หลายร้อยคำขอยังรอความหวังในการค้ำประกันฟรี รอชง ครม.ใหม่ เฟสที่ 2 พร้อมแผนเดินหน้าเปิดคลินิกค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ต่อ หวังยอดสินเชื่อโตเพิ่มเป็นแสนล้านในปี 55 หากรัฐไฟเขียวยืดโครงการออกไปอีก 1 ปี
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. เปิดเผยว่าตลอดปี 2552 ที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจของ บสย.และขอขอบคุณที่รัฐบาลโดยเฉพาะ รมช.กระทรวงการคลัง ฯพณฯประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่เห็นความสำคัญของระบบการค้ำประกันสินเชื่อโดยมอบหมายให้ บสย.เป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ โดยอนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 2,000 ล้านบาท จากกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนมาตการการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.ในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme โดยนับจากวันเริ่มต้นการเปิดตัวโครงการ จนกระทั่งถึง ณ.สิ้นวันที่ 3 มีนาคม 2553 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 2 วันทำการจะเป็นวันสิ้นสุดการ โครงการค้ำประกันแบบ Portfolio Guarantee Scheme โดยเป็นโครงการที่ บสย.ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ประกอบการ SMEs นั้น บสย.ได้ให้การค้ำประกันเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,284 โครงการ วงเงินอนุมัติรวมทั้งสิ้น 28,450 ล้านบาท ช่วยก่อให้เกิดสินเชื่อเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงิน 51,206 ล้านบาท สามารถช่วยรักษาสภาพการจ้างงานได้จำนวน 227,103 คน พร้อมทั้งทำให้สร้างการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 28,705 คน
ปัจจุบัน บสย.มีทุนจดทะเบียนที่ 6,702 ล้านบาท ได้สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SMEsได้รับการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อคิดเป็นกว่า 10 เท่าของทุนจดทะเบียน การที่ บสย.สนองนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยให้ โครงการค้ำประกันแบบ Portfolio Guarantee Scheme ที่อนุมัติค้ำประกันกับสถาบันการเงินเป็น Portfolio และมีการจำกัดระดับความเสียหายในการชดเชยค่าค้ำประกัน รวมทั้ง บสย.ได้มีการทุ่มเททรัพยากรขององค์กร ทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร ในการกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานเชิงรุกทั้งด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์การเข้าถึงสถาบันการเงิน และ SMEs ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการอนุมัติโดยใช้ระยะเวลาการพิจารณาการขออนุมัติค้ำประกันภายในระยะเวลาทำการ 3-5 วันทำการ โดยมิได้เป็นการลดคุณภาพการคัดกรองลูกค้า Portfolio แต่อย่างใด ทำให้ บสย. ประสบผลสำเร็จในการเป็นสถาบัน
ค้ำประกันสินเชื่อ 30,000 ล้านภายในระยะเวลา 1ปี สำหรับโครงการ Portfolio เฟสที่ 2 ซึ่งทั้งผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินต่างรอคอย บสย. อยู่ระหว่างนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งจะขอคงมาตรการค้ำประกันฟรีต่อไปอีก 1 ปี
นอกจากนี้ บสย.ยังคงจะเดินหน้าประชาสัมพันธ์การให้บริการคลินิกค้ำประกันสินเชื่อ ให้คำปรึกษาทางด้านการขอใช้บริการค้ำประกันและปัญหาในการขอสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในทุกภูมิภาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ตามโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. เปิดเผยว่าตลอดปี 2552 ที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจของ บสย.และขอขอบคุณที่รัฐบาลโดยเฉพาะ รมช.กระทรวงการคลัง ฯพณฯประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่เห็นความสำคัญของระบบการค้ำประกันสินเชื่อโดยมอบหมายให้ บสย.เป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ โดยอนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 2,000 ล้านบาท จากกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนมาตการการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.ในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme โดยนับจากวันเริ่มต้นการเปิดตัวโครงการ จนกระทั่งถึง ณ.สิ้นวันที่ 3 มีนาคม 2553 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 2 วันทำการจะเป็นวันสิ้นสุดการ โครงการค้ำประกันแบบ Portfolio Guarantee Scheme โดยเป็นโครงการที่ บสย.ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ประกอบการ SMEs นั้น บสย.ได้ให้การค้ำประกันเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,284 โครงการ วงเงินอนุมัติรวมทั้งสิ้น 28,450 ล้านบาท ช่วยก่อให้เกิดสินเชื่อเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงิน 51,206 ล้านบาท สามารถช่วยรักษาสภาพการจ้างงานได้จำนวน 227,103 คน พร้อมทั้งทำให้สร้างการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 28,705 คน
ปัจจุบัน บสย.มีทุนจดทะเบียนที่ 6,702 ล้านบาท ได้สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SMEsได้รับการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อคิดเป็นกว่า 10 เท่าของทุนจดทะเบียน การที่ บสย.สนองนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยให้ โครงการค้ำประกันแบบ Portfolio Guarantee Scheme ที่อนุมัติค้ำประกันกับสถาบันการเงินเป็น Portfolio และมีการจำกัดระดับความเสียหายในการชดเชยค่าค้ำประกัน รวมทั้ง บสย.ได้มีการทุ่มเททรัพยากรขององค์กร ทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร ในการกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานเชิงรุกทั้งด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์การเข้าถึงสถาบันการเงิน และ SMEs ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการอนุมัติโดยใช้ระยะเวลาการพิจารณาการขออนุมัติค้ำประกันภายในระยะเวลาทำการ 3-5 วันทำการ โดยมิได้เป็นการลดคุณภาพการคัดกรองลูกค้า Portfolio แต่อย่างใด ทำให้ บสย. ประสบผลสำเร็จในการเป็นสถาบัน
ค้ำประกันสินเชื่อ 30,000 ล้านภายในระยะเวลา 1ปี สำหรับโครงการ Portfolio เฟสที่ 2 ซึ่งทั้งผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินต่างรอคอย บสย. อยู่ระหว่างนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งจะขอคงมาตรการค้ำประกันฟรีต่อไปอีก 1 ปี
นอกจากนี้ บสย.ยังคงจะเดินหน้าประชาสัมพันธ์การให้บริการคลินิกค้ำประกันสินเชื่อ ให้คำปรึกษาทางด้านการขอใช้บริการค้ำประกันและปัญหาในการขอสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในทุกภูมิภาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ตามโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
02 มีนาคม 2553
เอเต้ ไอศกรีมต้อนรับหน้าร้อนด้วยเทศกาลมะม่วงหรรษา
เอเต้ ไอศกรีม ต้อนรับหน้าร้อน ด้วยไอศกรีม มะม่วงหลากชนิด หรรษากับพาเหรดมะม่วงแสนอร่อย ที่ยกขบวน มาให้คุณได้ลองลิ้มชิมรสความเป็นมะม่วง อย่างจุใจในรูปแบบต่าง ๆ หลากหลายรสชาติ ทั้งแบบ ไอศกรีมมะม่วงดิบเปรี้ยวจี๊ด, ไอศกรีมมะม่วงสุก , เค้กไอศกรีมมะม่วง และเครื่องดื่มมะม่วงปั่นแสนสดชื่น
เริ่มกันที่ ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ที่กลับมาอีกครั้งกับไอศกรีมมะม่วงเปรี้ยวจี๊ด สะใจคนรักความเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมชิ้นมะม่วง เพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นด้วยซอสน้ำปลาหวาน อร่อยครบสูตร ตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่หาได้ที่เอเต้เท่านั้น
ต่อกันด้วยชุดไอศกรีมมะม่วงสุก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว และชิ้นมะม่วงสุก ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมใบเตย สีเขียวสดใส ที่มาเพิ่มความกลมกล่อมให้กับชุดไอศกรีมมะม่วงสุก ที่มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ คือ แมงโก้ ซันเดย์ , แมงโก้ เอ็กซ์ตรีม และแมงโก้ บิ๊กโบ้ท ราคาเริ่มที่ 49 บาท
ไม่หมดแค่นั้น เอเต้ ยังเตรียมเค้กไอศกรีมมะม่วง มาร่วมพาเหรดกับเทศกาลมะม่วงหรรษานี้ แปลงโฉมมะม่วงมาเป็นเค้กไอศกรีมแสนอร่อย ที่มีเนื้อไอศกรีมมะม่วงซอร์เบ และไอศกรีมมะม่วงสุก พิเศษเพิ่ม topping เป็นอัลมอนด์ และแมงโก้ ทรัฟเฟิล มาลิ้มลองความหอมอร่อยของเค้กไอศกรีมมะม่วงเนื้อนุ่ม ชุ่มลิ้น สดชื่น กันด้วยความหวานอมเปรี้ยวของมะม่วงนี้ได้ ด้วยราคาพิเศษ 499 บาทเฉพาะหน้าร้อนนี้เท่านั้น
ตบท้ายกันด้วย เครื่องดื่มมะม่วงปั่นผสมผลไม้สดรวมรสชาติความอร่อยแสนสดชื่น อีก 2 เมนู คือ แมงโก้ อโลฮ่า และ แมงโก้ ซันไรส์ ที่รับรองถึงความอร่อยถึงใจคนรักมะม่วง ด้วยสูตรเฉพาะที่เอเต้เท่านั้น
มาลองลิ้มชิมความอร่อยของเทศกาลมะม่วงหรรษา ที่ไม่เหมือนใคร เพิ่มความคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มความอร่อย กันได้ที่เอเต้ไอศกรีมเท่านั้น
เริ่มกันที่ ไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ที่กลับมาอีกครั้งกับไอศกรีมมะม่วงเปรี้ยวจี๊ด สะใจคนรักความเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมชิ้นมะม่วง เพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นด้วยซอสน้ำปลาหวาน อร่อยครบสูตร ตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่หาได้ที่เอเต้เท่านั้น
ต่อกันด้วยชุดไอศกรีมมะม่วงสุก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว และชิ้นมะม่วงสุก ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมใบเตย สีเขียวสดใส ที่มาเพิ่มความกลมกล่อมให้กับชุดไอศกรีมมะม่วงสุก ที่มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ คือ แมงโก้ ซันเดย์ , แมงโก้ เอ็กซ์ตรีม และแมงโก้ บิ๊กโบ้ท ราคาเริ่มที่ 49 บาท
ไม่หมดแค่นั้น เอเต้ ยังเตรียมเค้กไอศกรีมมะม่วง มาร่วมพาเหรดกับเทศกาลมะม่วงหรรษานี้ แปลงโฉมมะม่วงมาเป็นเค้กไอศกรีมแสนอร่อย ที่มีเนื้อไอศกรีมมะม่วงซอร์เบ และไอศกรีมมะม่วงสุก พิเศษเพิ่ม topping เป็นอัลมอนด์ และแมงโก้ ทรัฟเฟิล มาลิ้มลองความหอมอร่อยของเค้กไอศกรีมมะม่วงเนื้อนุ่ม ชุ่มลิ้น สดชื่น กันด้วยความหวานอมเปรี้ยวของมะม่วงนี้ได้ ด้วยราคาพิเศษ 499 บาทเฉพาะหน้าร้อนนี้เท่านั้น
ตบท้ายกันด้วย เครื่องดื่มมะม่วงปั่นผสมผลไม้สดรวมรสชาติความอร่อยแสนสดชื่น อีก 2 เมนู คือ แมงโก้ อโลฮ่า และ แมงโก้ ซันไรส์ ที่รับรองถึงความอร่อยถึงใจคนรักมะม่วง ด้วยสูตรเฉพาะที่เอเต้เท่านั้น
มาลองลิ้มชิมความอร่อยของเทศกาลมะม่วงหรรษา ที่ไม่เหมือนใคร เพิ่มความคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มความอร่อย กันได้ที่เอเต้ไอศกรีมเท่านั้น
รพ.สิริโรจน์มอบทุนมูลนิธิชุมชนภูเก็ต
คุณอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ กรรมการผู้จัดการ และแพทย์หญิงสุปาณี ธารสิริโรจน์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) มอบเงินจำนวน 20,000 บาทให้แก่มูลนิธิชุมชนภูเก็ต เพื่อนำไปประกอบกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายหมีในโครงการพี่หมีช่วยน้อง อีกทั้งได้นำตุ๊กตาหมีที่จำหน่ายได้มอบให้แก่น้อง ๆ โรงเรียนบ้านบางคู ตามโครงการห้องสมุดของเล่นแห่งที่ 4 เมื่อวันก่อน
นักศึกษาม.รามคำแหงเยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี
คณะนักศึกษาปริญญาโท จากสาขาวิชากฎหมายธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้าเยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี และร่วมรับฟังคำบรรยายเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของภูเก็ตแฟนตาซี โดยมีนางสาวเพ็ญพักตร์ อู่แก้ว รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บรรยายและกล่าวข้อมูลโดยสรุป ณ สถาบันฝึกอบรม FTI หลังจากนั้นร่วมรับประทานอาหารค่ำบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่ภัตตาคารมโนห์ราทอง ก่อนเข้าชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยประยุกต์ที่ผสานเทคโนโลยีระดับโลกโดยฝีมือคนไทย “มหัศจรรย์กมลา” ณ โรงละครวังไอยรา ภูเก็ตแฟนตาซี หาดกมลา เมื่อเร็ว ๆ นี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)